วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต


อัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต มี 4 ด้าน ดังนี้



- ด้านอาหาร 




- การศึกษาปฐมวัย 

ด้านการศึกษาประถมวัย การจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 8 ปี เป็นการจัดการศึกษาที่มีลักษณะเฉพาะและแตกต่างจากการจัดการศึกษาในระดับอื่น เพราะเด็กปฐมวัยที่อยู่ในช่วงพลังแห่งการเรียนรู้ ซึ่งเป็นรากฐานแห่งการพัฒนาศักยภาพทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ด้วยศักยภาพอันโดดเด่นของคณะครุศาสตร์ที่ได้จัดการเรียนการสอนมากว่า 50 ปี จนถือเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ที่ยังคงอยู่คู่สวนดุสิต กลายเป็นจุดเด่นที่ส่งผลให้มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตเป็นผู้นำด้านการศึกษา ปฐมวัย และยังมีโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ ซึ่งเป็นโรงเรียนอนุบาลของรัฐบาลแห่งแรก เป็นต้นแบบของการอนุบาลศึกษาในประเทศไทย 

- อุตสาหกรรมการบริการ

อุตสาหกรรมอาหาร จุดแข็งด้านหนึ่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวน ดุสิต อาหารเป็นสิ่งต้นๆ ที่ควบคู่มากับโรงเรียนการเรือนพระนคร สอนเกี่ยวกับงานบ้านงานครัวของผู้หญิงในยุคอดีต มีการสั่งสมภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นระยะเวลายาวนาน กระทั่งเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต การเรียนการสอนมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ การคงไว้ซึ่งชื่อเสียงของความเชี่ยวชาญของความเป็น 'สวนดุสิต' ให้คงอยู่ และต้องมีพัฒนาการก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุด

 - การพยาบาลและสุขภาวะ



อัตลักษณ์ นำสู่อาเซียน

       รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน  รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต(มสด.) เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์การนำ มสด. เข้าสู่ประชาคมอาเซียน  ว่า การจัดทำแผนปฏิบัติงานต้องทำแบบมีส่วนร่วมโดยเชื่อมโยงและบูรณาการร่วมกัน  ซึ่งเป้าหมายของแผนกลยุทธ์ต้องมีระยะเวลาให้ดำเนินการไปถึงเป้าหมายแบบขั้นบันได แต่ให้สามารถยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกได้หากไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน  โดยให้คำนึงถึงความเข้มแข็งและศักยภาพของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ คือ การเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางที่มีอัตลักษ์โดดเด่นด้านอาหาร การศึกษาปฐมวัย อุตสาหกรรมการบริการ และการพยาบาลและสุขภาวะ ซึ่งมีพันธกิจสำคัญเพื่อ สร้างบัณฑิต วิจัย บริการวิชาการแก่สังคมและท้องถิ่น โดยมีเจตจำนงให้บัณฑิตและบุคลากร มีคุณธรรมจริยธรรม เป็นผู้ใฝ่รู้ มีวิจารณญาณ มีจิตใจเสียสละ มีบุคลิกภาพดีและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
         รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผน มสด.กล่าวต่อไปว่า มหาวิทยาลัยส่งเสริมให้ คณาจารย์ทุกคณะร่วมกันพัฒนาหลักสูตร คู่มือการสอน และรายละเอียดให้เป็นแนวทางเดียวกัน โดยคำนึงถึงการแสวงหาข้อมูลใหม่เพื่อถ่ายทอดให้กับนักศึกษา  อย่างไรก็ตามเรื่องการเตรียมความพร้อมเข้าสู่อาเซียนนั้นมหาวิทยาลัยเน้นการสร้างความเข้มแข็งในอัตลักษณ์ที่เป็นอยู่  ทั้งเรื่อง อาหาร การศึกษาปฐมวัย พยาบาลและอุตสาหกรรมบริการ เชื่อว่าจะดึงดูดให้อาเซียนมาสนใจในความเข้มแข็งของมหาวิทยาลัยได้ นอกจากนี้ ที่ผ่านมามสด.มีความร่วมมือทางวิชาการในหลายๆด้านกับประเทศจีน  จึงควรวางแผนและพัฒนาหลักสูตรความร่วมมือให้ตรงกับความต้องการที่มีอยู่ร่วมกันด้วย  เช่น จัดทำหลักสูตรธุรกิจระหว่างประเทศ เป็นต้น 


วีดีโอแนะนำมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต





องค์ประกอบในการจัดการความรู้ (Knowledge Management - KM)

องค์ประกอบในการจัดการความรู้


ในการจัดการความรู้โดยทั่วไปมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วนคือ คน (man) เทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology-IT) และกระบวนการจัดการความรู้ (process)
1. คน (man)

          ในการจัดการความรู้ คนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เนื่องจากคนเกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ส่วนบุคคล (personal knowledge management-PKM) คือ ผู้ซึ่งต้องการจัดการความรู้เพื่อการใช้ประโยชน์กับตัวเอง จึงสามารถจัดการทุกอย่างทุกขึ้นตอนได้เองเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีบ้างที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่น

          บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดการความรู้หรือ KM Team ขององค์กรอาจแบ่งได้เป็น 2 ทีมคือ ทีมหลักหรือทีมถาวร (core team or permanent team) และทีมชั่วคราว (contemporary team)
          ทีมหลักหรือทีมถาวรเป็นคณะทำงานที่รับผิดชอบการดำเนินการจัดการความรู้ขององค์กรอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยบุคลากร 3 ฝ่าย ได้แก่ หัวหน้างาน หรือผู้จัดการความรู้ (knowledge champion or senior manager or chief knowledge management-CKO) เป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ซึ่งมีบทบาทในการขุดหา (leverage) ความรู้ภายในองค์กรออกมาโดยการใช้โครงการการจัดการความรู้ รับผิดชอบในการสร้างวิสัยทัศน์ในสิ่งที่เป็นไปได้ ออกแบบกรอบงานที่ให้ผลคุ้มค่า และ เป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator) ประสานงานและการจัดให้มีกิจกรรมการจัดการความรู้ทั้งหมดขององค์กร บุคลากรประเภทที่สอง ได้แก่ หัวหน้างาน (Chief Information Officer- CIO) เป็นผู้รับผิดชอบงานทั้งหมดขององค์กร และ ฝ่ายสุดท้ายของทีมหลักคือ ตัวแทนจากกลุ่มงานหลักขององค์กร
         ส่วนทีมชั่วคราว เป็นคณะกรรมการที่มาจากกลุ่มเฉพาะ (Tiwanna, 2002, p.206) องค์กรต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า บุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ขององค์กร คือ กลุ่มผู้ใช้ผลผลิตและบริการขององค์กร จึงควรให้บุคคลเหล่านั้นมาเป็นหุ้นส่วนและร่วมกันวางแผนงานให้กับองค์กร (Rumizen, 2002, p.67)
          นอกจากทีมงานทั้งสองทีมแล้ว บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการจัดการความรู้ขององค์กรอย่างมากคือ ผู้บริหารสูงสุด (Chief Executive Officer-CEO) โดยปกติจะอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษาโครงการจัดการความรู้
2. เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology-IT)

          ในเรื่องของการจัดการความรู้นั้นมีงานวิจัยเป็นจำนวนมากที่พยายามอธิบายความสัมพันธ์และบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศกับการจัดการความรู้ ดังที่ปรากฎว่าเป็นเรื่องราวจำนวนมากที่แสดงถึงการจัดการความรู้ขององค์กรผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แม้ว่ากระบวนการจัดการความรู้เป็นกระบวนการที่ไม่ใช้เทคโนโลยี แต่เทคโนโลยีก็เป็นที่ถูกคาดหมายว่าเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การจัดการความรู้ประสพความสำเร็จ องค์กรส่วนใหญ่จึงมีการจัดสรรงบประมาณในการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสม มาเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการความรู้ขององค์กร (สมชาย นำประเสริฐกุล, 2546, p.105)

          เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทในการจัดการความรู้ประกอบด้วยเทคโนโลยีในการสื่อสาร (Communication Technology), เทคโนโลยีการทำงานร่วมกัน (Collaboration Technology) และเทคโนโลยีในการจัดเก็บ (Storage Technology)

-          เทคโนโลยีในการสื่อสาร ช่วยให้บุคลากรสามารถเข้าถึงความรู้ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น รวมทั้งสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เชียวชาญสาขาต่าง ๆ ในการค้นหาข้อมูล สารสนเทศผ่านเครือข่ายได้ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media

-          เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงานร่วมกัน ช่วยให้สามารถประสานการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคเรื่องของระยะทาง ตัวอย่างเช่นโปรแกรมกลุ่ม groupware หรือระบบ video conference เป็นต้น

-          เทคโนโลยีช่วยในการจัดเก็บ ช่วยในการจัดเก็บและจัดการความรู้ต่าง ๆ

เทคโนโลยีสารสนเทศมีส่วนช่วยประสาน สนับสนุนและอำนวยความสะดวกกระบวนการจัดการความรู้ ทั้ง 3 ดังนี้

-          การแสวงหาความรู้ เป็นการแสวงหาความรู้ทั้งที่เป็นการหยั่งรู้เอง (Tacit Knowledge) ทักษะ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ผู้มีประสบการณ์สูง จะมองเห็นแนวโน้มหรือหรือทิศทางความต้องการใช้ความรู้ด้านต่าง ๆ แล้ววางแผนและดำเนินการที่จะจัดหาความรู้นั้น ๆ มา โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศประเภทต่าง ๆ เป็นเครื่องช่วยประสานและอำนวยความสะดวก

-          การแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ เป็นการเผยแพร่และกระจายความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ในการนี้ การเรียนรู้จากผู้เชียวชาญจะช่วยให้ผู้ดำเนินการจัดการความรู้มือใหม่ผ่านเครือข่ายการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ

-          การใช้ประโยชน์จากความรู้ การเรียนรู้จะบูรณาการอยู่ในองค์กร มีอะไรอยู่ในองค์กร สมาชิกองค์กรสามารถรับรู้และประยุกต์ใช้สถานการณ์ใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา ทั้งการแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้ และการใช้ประโยชน์ความรู้ จะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน

ทั้งการแสวงหาความรู้

อย่างไรก็ตาม ในความหมายของ IT ไมได้หมายถึงเพียงแค่อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์เพียง   เท่านั้น แต่ในปัจจุบันได้หมายรวมถึงความสำคัญของคน เป้าหมายที่คนวางหรือกำหนดในการใช้เทคโนโลยีนั้น ๆ คุณค่าในการเลือกใช้เทคโนโลยีตลอดจนเกณฑ์ในการประเมินที่ใช้ในการตัดสินใจในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในงานต่าง ๆ (Chartrand & Morentz อ้างถึง Zorkoczy, 1984, p.12)
3. กระบวนการจัดการความรู้ (Process)
กระบวนการจัดการความรู้ เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เกิดพัฒนาของความรู้ หรือการจัดการ ความรู้ที่จะเกิดขึ้นภายในองค์กร มีทั้งหมด 7 ขั้นตอน

-          การบ่งชี้ความรู้ (Knowledge Identification) เป็นการพิจารณาว่าองค์กรเรามีพันธกิจ วิสัยทัศน์ เป้าหมายอะไร และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เราต้องใช้อะไร ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้าง อยู่ในรูปแบบใด และอยู่ที่ใคร

-          การสร้างและการแสวงหาความรู้ (Knowledge Creation & Acquisition) เช่นการสร้างความรู้ใหม่ แสวงหาความรู้จากภายนอก รักษาความรู้เก่า กำจัดความรู้ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

-          การจัดการความรู้ให้เป็นระบบ (Knowledge Organization) เป็นการวางโครงสร้างความรู้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเก็บความรู้อย่างเป็นระบบในอนาคต

-          การประมวลและกลั่นกรองความรู้ (Knowledge Codification & Refinement) เช่นการปรับปรุงเอกสารให้เป็นรูปแบบมาตรฐาน ใช้ภาษาในการสื่อสารเป็นภาษาเดียวกัน ประปรุงเนื้อหาความรู้ให้สมบูรณ์

-          การเข้าถึงความรู้ (Knowledge Dissemination & Access) เป็นการทำให้ผู้ใช้เข้าถึงความรู้อย่างเป็นระบบได้ง่ายและสะดวกขึ้น การกระจายความรู้ให้ผู้อื่นทางช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม

-          การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing) เป็นการนำความรู้ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกันด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น ในกรณีเป็น Explicit Knowledge อาจทำเป็นเอกสาร ฐานความรู้ คลังความรู้ หรือในกรณีเป็น Tacit Knowledge อาจทำเป็นระบบทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่ม ชุมชนแห่งการเรียนรู้ และระบบพี่เลี้ยง การสับเปลี่ยนงาน การยืมตัว เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นต้น

-          การเรียนรู้และการนำไปใช้งาน (Learning & Utilization) เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการการจัดการความรู้ เป็นการที่บุคคลเกิดการเรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน และหมุนเวียนไปอย่างต่อเนื่อง

คำศัพท์ที่ควรรู้ 



1. Action Learning ::
     การเรียนรู้จากการปฏิบัติเป็นการเรียนรู้ที่จากการปฏิบัติที่อาศัย ประสบการณ์ความรู้ มุมมองที่กลุ่มหรือบุคคลมี จากการซักถาม แลกเปลี่ยนความเห็น นำไปสู่ทางออกใหม่ๆที่แตกต่าง นำความรู้มาคิดใคร่ครวญแล้วแลกเปลี่ยนถ่ายทอดแก่กัน สร้างประโยชน์ให้กับตน ทีม และองค์การ การเรียนรู้นี้เกิดจากความสมัครใจขับเคลื่อนโดยผู้เรียนและกลุ่ม
2. Analyzing Mistakes ::
     การวิเคราะห์ความผิดพลาดจากการทำงาน
3. Brainstorming ::
     การ ระดมสมองในการทำงาน การ เสนอวิธีการแก้ไขปัญหา หรือเสนอความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่มโดยวิธีคิดแบบปัจจุบันทันด่วน เท่าที่ความคิดของสมาชิกคนใดคนหนึ่งจะคิดขึ้นมาได้ในขณะนั้น ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ มีแต่เสนอขึ้นมาเท่านั้น คำเสนอจะถูกบันทึกไว้ (บนกระดานดำ) เพื่อประเมินผลหรือตามมติภายหลัง
4.Coaching ::
     การพัฒนาระบบพี่เลี้ยง การสอนงานลูกน้องของตนเอง การสอนงานเป็นเทคนิคหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรหรือลูกน้องของตน
5. Computer - Mediated Communications (CMC) ::
     การติดต่อสื่อสารหรือการโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ผ่านคอมพิวเตอร์ เป็นรูปแบบอย่างกว้างๆที่สามารถกำหนดการติดต่อปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปหรือเป็นเครือข่ายบนคอมพิวเตอร์
6. External Consultants :: 
     การมีที่ปรึกษาภายนอกองค์กร
7. Learning Contracts ::
     การทำสัญญาการเรียนรู้ สัญญาที่ผู้เรียนกับผู้สอนร่วมกันกำหนด  เพื่อใช้เป็นหลักยึดในการเรียนว่าจะเรียนอะไร อย่างไร เวลาใด ใช้เกณฑ์อะไรประเมิน
8. Mentoring ::
     เป็น การให้ผู้ที่มีความสามารถหรือเป็นที่ยอมรับ หรือผู้บริหารในหน่วยงานให้คำปรึกษาและแนะนำช่วยเหลือรุ่นน้องหรือผู้ที่ อยู่ในระดับต่ำกว่าในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานเพื่อให้มีศักยภาพสูง ขึ้นแต่อาจไม่เกี่ยวกับหน้าที่ในปัจจุบันโดยตรง
9. Networking ::
     การสร้างเครือข่ายการทำงาน
10. Portfolios ::
     การจัดทำแฟ้มผลงาน
11. Project work ::
     การพัฒนาการทำงานเชิงโครงการ
12. Rotating Jobs ::
     การหมุนเวียนการทำงาน
13. Team Working ::
     การทำงานเป็นทีม
   14. Knowledge Strategy [การวางแผนกลยุทธ์ทางด้านองค์ความรู้]
 การวางแผนจัดการด้านองค์ความรู้และการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้นั้น ไม่ต่างจากการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ (Business Strategy) กล่าวคือ ผู้บริหารองค์กรและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องทราบให้แน่ชัดว่ากำลังจะ นำศาสตร์ด้าน KMมา ใช้เพื่อสร้างประโยชน์ในลักษณะใดต่อองค์กร โดยจะต้องทราบ อย่างแน่ชัดว่าจะใช้งานและบริหารจัดการองค์ความรู้เหล่านั้นในลักษณะใดโดย ให้อยู่บนพื้นฐานที่ว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นกับระบบ KM ต้อง สร้างประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรของตน ในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย หากจะเริ่มต้นวางแผนออกแบบกลยุทธ์การจัดการองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นอย่างมี ประสิทธิภาพ ก็อาจจะต้องว่าจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาเพื่อออกแบบระบบที่มีความ สอดคล้องกับการกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ นอกนั้นจะต้องตระหนักว่า แม้จะมีการออกแบบกลยุทธ์ในการจัดการองค์ความรู้ไปแล้ว กลยุทธ์ดังกล่าวก็ควรจะได้รับการตรวจสอบอยู่เป็นประจำว่ายังมีประสิทธิภาพ และเข้ากันได้กับกลยุทธ์ทางธุรกิจซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์การ แข่งขันอยู่เสมอ
15. Knowledge Sharing [การแลกเปลี่ยนความรู้]
     ใน สมัยก่อนรูปแบบของการแบ่งปันความรู้แก่กันถูกจำกัดอยู่ในวงแคบๆ พ่อแม่สอนการบ้านลูก ครูสอนหนังสือนักเรียน เพื่อนติวหนังสือให้เพื่อน หรือกว้างออกมาหน่อยก็คือนักเขียนเขียนหนังสือขายให้คนอ่านการแบ่งปันความ รู้ส่วนใหญ่เป็นแบบทางเดียว พ่อแม่สอนการบ้านลูก แต่ลูกไม่ได้สอนอะไรให้พ่อแม่ ครูสอนหนังสือนักเรียน แต่นักเรียนไม่ได้สอนหนังสือให้ครู นักเขียนเขียนให้อ่าน แต่คนอ่านก็ไม่ได้แบ่งปันอะไรกลับมาให้นักเขียน แต่ก็มีบ้างที่เป็นการแบ่งปันแบบหลายทาง เช่น เพื่อนติวหนังสือให้เพื่อน เพื่อนคนนึงอาจจะเป็นคนนำในการติวและเพื่อนอีกคนก็อาจจะถามคำถามที่ตัวเอง สงสัยขึ้นมา ซึ่งเพื่อนที่เป็นคนติวอาจจะตอบไม่ได้แต่ก็อาจจะมีเพื่อนคนอื่นๆที่ช่วยตอบ ให้ได้หรือ การเรียนการสอนในห้องเรียนสมัยใหม่ที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ครูอาจจะไม่ใช่ผู้ถ่ายทอดความรู้เพียงฝ่ายเดียว ไม่ใช่เอาแต่เขียนกระดานหรือปิ้งแผ่นใส แต่ครูเป็นเสมือน Facilitator ที่ คอยกระตุ้นให้นักเรียนถ่ายทอดความรู้ของตัวเองให้เพื่อนๆ ฟัง โดยครูเป็นแค่คนคอยไกด์ให้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องอย่างไรก็ตาม การแบ่งปันความรู้แบบหลายทางก็ยังจำกัดอยู่แค่ในวงแคบๆ เท่านั้น ภายในกลุ่มเพื่อนไม่กี่คนหรือในห้องเรียนเล็กๆ เพราะถ้าคนเยอะขึ้นเมื่อไรก็จะเกิดความโกลาหลขึ้นทันที ต่างคนต่างพูดจนไม่รู้จะฟังใคร หรือมีเวลาจำกัดที่ให้พูดกันทุกคนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นไม่จบเรื่องปัจจุบันถ้าคุณอยากแบ่งปันความรู้ คุณก็แค่เขียนบล็อก และเปิดให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็นเข้ามาได้ ซึ่งก็จะช่วยเสริมความรู้ที่คุณนำเสนอให้มีความแข็งแรงมากขึ้น นอกจากบล็อกแล้วก็ยังมีรูปแบบการแบ่งปันความรู้แบบหลายทางอื่นๆ อีก เช่น Wikipedia บริการจาก Yahoo ที่ ออกแนวเว็บบอร์ด คือให้คนตั้งคำถามได้ และเปิดให้คนอื่นมาตอบคำถาม ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่พยายามหาคำตอบจากแหล่งต่างๆ แล้วไม่พบ หรือไม่ชอบการค้นหาคำตอบด้วยตัวเองแต่ยินดีรอให้คนอื่นมาตอบให้ ซึ่งแตกต่างออกไปจากเว็บบอร์ดทั่วๆ ไปก็คือระบบการให้คะแนน โดยถ้าใครที่ตอบคำถามได้ดีจนเจ้าของคำถามอ่านแล้วพอใจกับคำตอบ เจ้าของคำถามจะเลือกคำตอบนั้นเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ผู้ตอบคำถามก็จะได้รับคะแนนที่เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง หรือถ้าคุณเขียนบทความลง Google คุณจะได้ทั้งชื่อเสียงเพราะรูปและประวัติย่อของคุณจะถูกเผยแพร่ไปพร้อมกับบทความด้วย
16. Knowledge Workers
     ทุนมนุษย์  นับเป็นทรัพยากรอันสำคัญยิ่งขององค์กร ที่เพียบพร้อมไปด้วยทั้ง Tacit Knowledge  ทักษะประสบการณ์ในการทำงาน และเจตคติที่มีต่อองค์กรใน ยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความเปลี่ยนแปลงนั้นแผ่กระจายไปทั่วโลก ดังนั้นทุกองค์กรจึงพยายามที่จะแข่งขันเพื่อให้องค์กรอยู่รอด ก้าวหน้าและสง่างามกว่าองค์กรอื่น สิ่งที่จะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้นั้นทุกคนในองค์กรต้องทำงานโดยอยู่ บนพื้นฐานความรู้ (Knowledge base) เป็นสำคัญ Blue collar workers จึงกำลังถูกแทนที่ด้วย Knowledge workers หรือผู้ปฏิบัติงานบนพื้นฐานความรู้ซึ่ง Knowledge workers นี้จะเป็นผู้ที่มีศาสตร์เป็นฐานความรู้และมีศิลป์ในการบริหารจัดการในการนำ ความรู้มาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้โดย Knowledge workers จะมีคุณลักษณะดังนี้
1)  มีความสามารถพิเศษในการแก้ปัญหาใหม่ ๆ
2)  มีความคิดจิตใจที่เป็นอิสระ
3)  การจูงใจที่ดีคือการยอมรับเมือเขาสามารถทำงานได้บรรลุผลสำเร็จ
4)  ชอบทำงานเป็นทีม
5)  ไม่ชอบการควบคุม
6)  ชอบที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระในการสร้างทีม
การ บริหารจัดการโดยใช้วิธีควบคุมและการกำกับทีมจะทำให้ความสำเร็จของงานที่ได้ ไม่ยั่งยืน แต่ทีมที่สามารถควบคุมดูแลตนเองได้จะเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะทีมจะมีคุณลักษณะเฉพาะคือ  ชอบที่จะเรียนรู้ในการควบคุม ตนเอง องค์กร เพียงมีแนวทางและเป้าหมายที่ชัดเจนมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทีมสามารถสร้าง สรรค์ผลงานร่วมกันได้อย่างอิสระ (Delegate & Support)เขาจะสามารถนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จได้โดยง่ายการ บริหารจัดการ Knowledge workers จึงเป็นเรื่องที่ยากเพราะผู้บริหารมักยึดติดกับการสั่งการและการควบคุม (Direct & Control) ในขณะที่การทำงานร่วมกับ Knowledge workers ผู้ บริหารจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ร่วม จริงใจ และ สร้างให้มีความรู้สึกร่วมกันในทีมในการสร้างชื่อเสียงร่วมกัน ซึ่งนับเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ต้องการทั้งสติปัญญา ความรู้ความสามารถในงาน ความเข้าใจกันโดยเฉพาะความเข้าใจความต้องการพื้นฐานของมนุษย์และความสามารถ ในการครองใจผู้ร่วมงานซึ่งต้องใช้ทักษะในการบริหารคน (Human Skill) โดยเฉพาะความสามารถในการสร้างมนุษยสัมพันธ์อันดีกับผู้ร่วมงาน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องท้าทายความสามารถของผู้บริหารยุคใหม่อย่างมาก
17. Leverage of knowledge asset
Knowledge asset
SECI คือกระบวนการสร้างความรู้
Ba คือพื้นที่ที่ก่อให้เกิดกระบวนการสร้างความรู้
Knowledge Assets คือ ความรู้ที่สร้างขึ้นมาได้จาก SECI
ความรู้ที่สร้างจาก SECI จะออกมาในรูป Knowledge Assets อย่างไรก็ตาม Knowledge Assets เองก็สามารถนำกลับไปเป็นต้นทุนในกระบวนการ SECI ครั้งต่อๆไปได้อีกเหมือนกัน
Knowledge Assets แบ่งเป็น 4 แบบ
1. Experimental - ความรู้แบบ tacit ที่เกิดจากประสบการณ์ในการทำงาน และสายสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ฯลฯ
    ได้แก่: ทักษะในการทำงานของแต่ละคน, ความรักในการทำงาน, passion
2.Conceptual - ความรู้แบบ explicit ที่แสดงออกผ่านภาพลักษณ์ สัญลักษณ์ และภาษา
    ได้แก่: คอนเซปต์ผลิตภัณฑ์, ดีไซน์, แบรนด์
3.Routine - ความรู้แบบ tacit ที่วนๆ เป็นรูทีนอยู่ในองค์กร เช่น ทักษะในการทำงานของทีมวิธีหรือขั้นตอนการทำงานในองค์กรวัฒนธรรมองค์กร
4.Systemic - ความรู้ explicit ที่จัดทำเป็นแพกเกจ เช่น เอกสาร คู่มือ สเปก databaseสิทธิบัตร


http://kmlibrary.bu.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=29:2011-02-24-03-06-59&catid=13:2010-12-22-04-02-34&Itemid=14

ต้นกำเนิดเฟรนซ์ฟราย


       มันฝรั่งแท่งยาว ๆ ทอดกรอบโรยเกลือเล็กน้อยอร่อยเด็ดอย่าบอกใคร ยิ่งได้จิ้มกับครีมมายองเนส หรือซอสมะเขือเทศอีกหน่อยก็อร่อยเหาะกันแล้ว แต่กินเฟรนช์ฟรายกันอย่างเอร็ดอร่อยมานาน เชื่อว่าหลายคนยังคงเข้าใจว่า เฟรนช์ฟรายแสนอร่อย มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศสแน่ ๆ เลย ก็คำว่า เฟรนช์ (French) ที่แปลว่า ฝรั่งเศสปรากฎหราอยู่ขนาดนั้นนี่นา แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ถึงแม้จะมีคำศัพท์บ่งบอกถึงความเป็นฝรั่งเศสอย่างชัดเจน ก็ไม่ได้หมายความว่า เจ้ามันฝรั่งทอดโรยเกลือจะมีต้นกำเนิดมาจากเมืองน้ำหอมสักหน่อย แต่เฟรนช์ฟรายจะมีต้นกำเนิดอย่างไร มารู้ไปพร้อม ๆ กันจากข้อมูลที่เราหยิบมาฝากกันเลยจ้า


          สมัยก่อนมันฝรั่งไม่ได้ปลูกกันง่าย ๆ ด้วยสภาพพื้นดินและสภาพอากาศต่าง ๆ แต่มันฝรั่งจะปลูกได้ดีในแถบทวีปยุโรป และประเทศโคลัมเบียมากกว่า แต่เมื่อเวลาผ่านไป การพัฒนาในด้านต่าง ๆ ก็ทำให้ประเทศสเปนและประเทศอิตาลี รวมทั้งประเทศอื่น ๆ สามารถปลูกมันฝรั่งได้เช่นกัน แต่ผลผลิตยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก เนื่องจากมีผลเล็ก และรสชาติออกขมหน่อย ๆ ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดนี้ก็ยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่า มันฝรั่งทอดโรยเกลือรสชาติอร่อยนั้นมีต้นกำเนิดจริง ๆ มาจากไหน
          จนกระทั่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถบอกได้ว่า จริง ๆ แล้วชาวเบลเยี่ยมต่างหากที่เป็นคนคิดทำมันฝรั่งทอดเป็นชาติแรก โดยสมัยก่อนชาวเบลเยี่ยมจะกินปลาทอดเป็นอาหารจานหลัก ไม่ว่าจะกินอะไรจะต้องมีปลาทอดเป็นเครื่องเคียงเสมอ แต่ในวันหนึ่งเกิดมีหิมะปกคลุมหนา เปลี่ยนแม่น้ำเป็นผืนน้ำแข็งไปจนหมด ชาวเบลเยี่ยมเลยขาดแคลนปลา และในที่สุดก็เลยดัดแปลงนำมันฝรั่งมาฝานเป็นแท่ง ๆ แล้วก็นำมาทอดกินแทนเนื้อปลาซะเลย และคำว่าเฟรนช์ (French) ก็คาดเดาว่าจะมาจากกริยา to french ที่แปลว่า ฝานเป็นแท่งยาว ๆ ส่วนชื่อเต็มของเมนูนี้ก็น่าจะผันมาจาก frenched and fried potato ต่อมาก็เหลือแค่ frenched and fries potato และเหลือแค่ french fries อย่างในปัจจุบันนี้เท่านั้น
          ปัจุบันนี้ก็ยังมีการถกเถียงเรื่องประวัติความเป็นมาของเฟรนช์ฟรายแบบลับ ๆ กันอยู่ตลอด โดยทางฝรั่งเศสก็บอกว่าเฟรนช์ฟรายเป็นของตนเอง เบลเยี่ยมก็ยืนยันหัวชนฝาว่าชาติตนต่างหากที่ให้กำเนิดเมนูกินเล่นชนิดนี้ขึ้นมา ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นต้นตำรับตัวจริงก็ตาม เฟรนช์ฟรายก็กระจายไปฮอตฮิตในประเทศต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนจะไปสั่งเฟรนช์ฟรายมากิน ก็ต้องรู้กันก่อนว่าที่ประเทศอังกฤษเฟรนช์ฟรายจะเรียกว่า Potato Chips หรือ Chips ส่วนเบลเยี่ยมจะเรียก Belgian Fries และสุดท้ายฝรั่งเศสก็ถือโอกาสเรียกว่า French Fries อย่างบ้านเรานะจ๊ะ

ย้ำอีก5ปีเริ่มสอบใบประกอบวิชาชีพครู



           "สุรวาท"ห่วงความสับสนกรณีสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ย้ำอีกครั้งนักศึกษาที่เข้าเรียนปี 57 ในหลักสูตรตามมาตรฐานวิชาชีพใหม่จะเป็นรุ่นแรกที่สอบตอนเรียนปี 5 ส่วนคนที่เรียนตามมาตรฐานวิชาชีพเดิมไม่ต้องสอบ
           ผศ . ดร . สุรวาท ทองบุ คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ฐานะกรรมการคุรุสภา กล่าวว่า ขณะนี้ในกลุ่มนักศึกษาวิชาชีพครูกำลังเกิดความสับสนเกี่ยวกับนโยบายคุรุสภาเรื่องการสอบเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพครู ซึ่งตามข้อมูลที่ถูกต้อง คือ ผู้เข้าเรียนปีการศึกษา2557 ในหลักสูตรที่คุรุสภาให้การรับรองตามมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ.2556 ถือเป็นหลักสูตรตามมาตรฐานใหม่ จะต้องผ่านการสอบเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพ นั่นหมายความว่า ผู้เรียนตามหลักสูตรครู 5 ปี จะได้สอบตอนเรียนอยู่ปีที่ 5 หรือ สำเร็จการศึกษาแล้ว นับจากปี 2557 ไปอีกประมาณ 5 ปี ส่วนผู้เข้าเรียนในปีเดียวกัน คือ ปีการศึกษา 2557 แต่เรียนในหลักสูตรที่คุรุสภาให้การรับรองตามมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ.2548 ซึ่งเป็นมาตรฐานวิชาชีพเดิม จะไม่ต้องผ่านการสอบ เนื่องจากหลักสูตรเดิมนี้ยังคงรับผู้เรียนได้อีก 3 ปีตามบทเฉพาะกาล.
          ที่ประชุมสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ยอมรับถึงเวลาต้องปฏิรูปการผลิตครู เน้นคุณภาพบัณฑิตไม่ใช่เน้นปริมาณเพื่อรอตกงาน มอบคณบดีครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ทุกสถาบันชี้แจงอธิการบดีถึงความจำเป็น
        รศ .ดร.มนตรี แย้มกสิกร ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย(ส.ค.ศ.ท.)เปิดเผยว่า จากการประชุม ส.ค.ศ.ท.ที่จังหวัดระยอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ตั้งทีมจัดทำแผนพัฒนาคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ เพื่อยกระดับคุณภาพคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ทั้งในด้านคณาจารย์สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อห้องเรียน จำนวนนักศึกษาต่อห้องที่จำกัด ไม่เกินห้องละ 30 คน เพื่อเสนอแผนให้รัฐบาลพิจารณาพัฒนาคุณภาพบัณฑิตครูในอนาคต ซึ่งจะรวมถึงการปรับลดจำนวนการผลิตบัณฑิตครูจากปีละ 4-5หมื่นคนลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง โดยจะต้องปรับแผนการฝึกอบรมครูประจำการและการให้อาจารย์คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ มาทำหน้าที่ฝึกอบรมและติดตามการสอนของครูในโรงเรียนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
       "ยอมรับว่าการลดจำนวนนิสิตนักศึกษาของคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ จะต้องให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เห็นด้วย เพราะอาจจะกระทบกับความอยู่รอดของมหาวิทยาลัย เนื่องจากจะทำให้รายได้ของมหาวิทยาลัยลดลง ที่ประชุมจึงมอบหมายให้คณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ของทุกมหาวิทยาลัยไปทำความเข้าใจกับอธิการบดี และอธิบายให้เห็นถึงความจำเป็นของการพัฒนาคุณภาพหรือจะผลิตบัณฑิตให้ตกงานอย่างเป็นระบบ อีกทั้งคุรุสภาก็ออกหลักเกณฑ์มาบีบว่า แต่ละห้องจะรับนิสิตนักศึกษาได้ไม่เกิน 30 คน เพราะฉะนั้นเราต้องมาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ที่ร่วมประชุมก็ยอมรับว่า ต้องลดจำนวนการผลิตบัณฑิตครูและต้องหันมาทำเรื่องคุณภาพ ที่สำคัญแต่ละสถาบันจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า สถาบันของตนจะเน้นหรือมีความเป็นเลิศในสาขาใด โดยต้องแบ่งความรับผิดชอบกันให้ชัดเจนต้องร่วมมือกันไม่ใช่แข่งกันทำ"ประธานส.ค.ศ.ท.กล่าวและว่า ทั้งนี้ที่ประชุมขอให้คณะทำงานเร่งสรุปผลการจัดทำแผนพัฒนาคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนเพื่อเสนอรัฐบาลต่อไป



ที่มา : http://www.dailynews.co.th

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ระวัง! อย่าหลงเชื่อ หลอกโหลด WhatsApp for PC อาจถูกแฮคเกอร์โจมตี

WhatsApp เป็นแอพพลิเคชั่นที่โด่งดังบนสมาร์ทโฟนอย่าง iOS , Android , BlackBerry และ WindowsPhone ที่มีไว้ใช้ส่งข้อความแชตคุยกับเพื่อนที่ใช้กันมากในหลายประเทศ แน่นอนท่านรู้จักกับแอพนี้ดี แต่ต้องติดตามข่าวสารและอย่าเชื่ออะไรบน Social Network หรืออีเมลสแปมง่ายๆ อย่างเช่น WhatsApp For PC ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีให้ดาวน์โหลดแต่มีโปรแกรมเมอร์อาชญากร มาโปรโมตหลอกคุณให้ดาวน์โหลดโปรแกรมปลอมแล้ว
นายดิมิทรี เบสทูเซฟ ผู้เชี่ยวชาญของ Kaspersky Lab บริษัทด้านรักษาความปลอดภัยชื่อดัง ได้เปิดเผยการค้นพบมัลแวร์สัญชาติบราซิลตัวล่าสุดที่แพร่กระจายผ่านอีเมลสแปม มีเนื้อหาระบุว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นแชทยอดฮิตอย่าง Whatsapp for PC เพื่อใช้งานบนคอมพิวเตอร์ได้ พร้อมแจ้งว่ามีเพื่อนและคนรู้จักดาวน์โหลดมาใช้และรอแชทในแอคเค้าท์นี้แล้วด้วย หากผู้ใช้คอมพิวเตอร์หลงกลและกดเว็บลิ้งค์เพื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าว ก็จะเข้าหน้าจอสำหรับดาวน์โหลดไฟล์สำหรับติดตั้ง ผ่านเว็บ Hightail (หรือชื่อเดิมคือ Yousendit) ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นโทรจัน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ที่แฮกไว้
whatsapp-for-pc-fake-malwareตัวอย่างภาพประกอบในอีเมลสแปม
เมื่อผู้ใช้หลงกลดาวน์โหลด แล้วทำการติดตั้งและเปิดใช้งาน โทรจันตัวนี้ก็จะขโมยข้อมูลทางการเงิน และส่งผ่านพอร์ท 1157 ในรูปแบบไฟล์ Oracle DB ไปยังอาชญากรไซเบอร์ทันที นอกจากนี้ ยังทำการดาวน์โหลดมัลแวร์ขนาด 10 Mb เข้าสู่ระบบอีกด้วย
whatsapp-for-pc-malware-codeตัวอย่างโค้ด Delphi XE5 จาก Embarcadero
นายดิมิทรีกล่าวว่า “นี่เป็นรูปแบบเฉพาะของมัลแวร์สัญชาติบราซิล ซึ่งอาจพัฒนาและกระจายไปยังผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว เบื้องต้น Kaspersky ได้ทำการอัพเดตให้สามารถจับและสกัดมัลแวร์ตัวนี้ได้แล้ว  แต่แนะนำผู้ใช้งานควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับความปลอดภัยภัยร้ายไซเบอร์อย่างสม่ำเสมอ ที่นับวันการโจมตี การหลอกลวงขโมยข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย
whatsapp-website-official-2จากที่ทีมงานได้ไปดูเว็บไซต์ทางการ WhatsApp.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของแอพ WhatsApp แล้ว ปรากฎว่า ยังไม่มี WhatsApp For PC ให้ดาวน์โหลด หรือแม้กระทั่งไม่เอ่ยถึงเตรียมเปิดตัว WhatsApp For PC แต่อย่างใด ดังนั้นผู้ใช้อย่าหลงเชื่อข่าวทาง Social Network หรือพวกอีเมลสแปม ที่หลอกว่ามีแอพ WhatsApp For PC มีจริง ให้ลองตรวจสอบข้อเท็จจากเว็บไซต์ Whatsapp.com ก่อน

Line ขึ้นแท่นแอพทำเงินสูงที่สุดในโลก

revenue-lineเว็บไซต์ TechinAsia เผยรายงานจาก App Annie  รายงานว่า Line เป็นแอพที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก ในปี 2013 หากไม่นับรวมแอพเกมอื่นๆ โดย Line จัดเป็นแอพที่มีผู้ดาวน์โหลดมาก เป็นอันดับ 9 ของโลก
revenue-app-annieด้วยความนิยมของแอพ Line และเกม Line ที่โหลดมากบน Google Play ทำให้ ประเทศญี่ปุ่นสามารถทำรายได้จากแอพ สูงที่สุดแซงสหรัฐได้สำเร็จในปี 2013
top-messaging-app-annieส่วนภาพนี้เป็น ภาพ Infographic เกี่ยวกับแอพ Messaging ว่าแต่ละประเทศนิยมแอพ Messaging ตัวไหนเป็นอันดับ 1 ในประเทศนั้น ซึ่งผลการสำรวจนี้รายงานโดย App Annie  จะเห็นได้ว่าแอพ Line นิยมมากเอเชียแปซิฟิค ยกเว้นเกาหลีใต้ที่ใช้แอพ Kakao Talk , ออสเตรเลียใช้ Skype และประเทศจีนซึ่งมีประชากรประเทศมีจำนวนมาก นิยมใช้ WeChat ส่วนทางฝั่งยุโรปและอเมริกานิยมใช้ WhatsApp กับ Skype  ในการสื่อสาร
สถิติที่น่าสนใจอื่นๆ
  • บริษัท GungHo Online  จากญี่ปุ่น เจ้าของเกม Puzzles and Dragons เป็นบริษัทที่ทำรายได้จากแอพ มากที่สุดในโลก
  • แอพ Aliplay จากประเทศจีน เป็นแอพชำระเงินบนมือถือที่ดาวน์โหลดสูงมากที่สุดในโลก
สำหรับรายละเอียดข้อมูลแบบฉบับเต็มสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ App Annie
ข้อมูลจาก TechInAsia , App Annie



แนะนำเว็บไซต์ที่ตรวจสอบบัญชีของเรา ว่า อยู่ในรายการของ adobe yahoo ที่ถูกแฮคขโมยหรือไม่ ?

      เหตุการณ์ที่เว็บไซต์ดังถูกเจาะระบบขโมยรหัสบัญชีลูกค้าต่างๆหลายบริษัท เมื่อหลายเดือนก่อน  ไม่ว่าจะเป็น Adobe , Yahoo , sony , Gawker , Stratfor เป็นต้นนี้ ถ้าคุณไม่เปลี่ยนรหัสหลังจากเกิดเหตุการณ์เจาะรหัสนี้ขึ้น ก็เสี่ยงที่ข้อมูลสำคัญในบัญชีถูกขโมยไปแล้ว มาตรวจสอบบัญชีด้วยอีเมลของคุณว่า อีเมลคุณนั้น มีตรงกับฐานข้อมูลที่โดนเจาะระบบในเหตุการณ์ขโมยรหัสเมื่อหลายเดือนก่อนหรือไม่ 
     
adobe-hacked-01เพียงแค่คุณกรอกอีเมลลงไปในเว็บไซต์ http://haveibeenpwned.com  ถ้ากรอกแล้วเจอสีเขียว แสดงว่าบัญชีคุณปลอดภัย
adobe-breachแต่ถ้าเจอสีแดง ขึ้นว่า Oh no แล้วขึ้นว่า Pwned on 1 site แสดงว่า พบบัญชีอีเมลคุณอยู่ในรายชื่อที่ถูกโจรแฮคขโมยข้อมูลได้ด้วย ซึ่งถ้าขึ้นสีแดง แสดงว่าบัญชีคุณมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮคเกอร์ขโมยข้อมูลคุณได้ ตามข้อมูลด้านล่างนี้   ให้รีบทำการเปลี่ยนรหัสโดยด่วน  โดยจากข้อมูลสถิติพบว่า
  • Adobe โดนแฮคไป 152,445,165  บัญชี
  • Stratfor  โดนแฮคไป accounts 859,777  บัญชี
  • Gawker  โดนแฮคไป 532,659   บัญชี
  • Yahoo โดนแฮคไป 453,427  บัญชี
  • Sony  โดนแฮคไป 37,103 บัญชี
ดังนั้นถ้าเช็คในเว็บไซต์ดังกล่าวเจอขึ้นสีแดง ให้รีบทำการเปลียนรหัสโดยด่วนเพื่อความปลอดภัย และยังมีอีกเว็บไซต์ ที่ช่วยตรวจสอบว่าบัญชีของคุณถูกเป็นเหยื่ออีกหรือไม่ คือเว็บไซต์https://shouldichangemypassword.com/ ก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน



True เปิดรับสมัคร true incube รุ่น 2 เดินหน้าสานฝัน Startup ไทย สร้างธุรกิจให้เป็นจริง




True incube ในกลุ่ม true เชิญชวนคนไทยที่ต้องการก้าวเป็นผู้ประกอบการตัวจริง สมัครเข้าร่วม “true incube รุ่น 2”  ภายใต้แนวคิด “อย่ามัวแต่คิด ลงมือทำ” รวมสานฝัน Startup ชาวไทยสร้างธุรกิจให้เป็นจริง รับทั้งเงินลงทุนเบื้องต้นวงเงินทีมละ 5 แสน การเข้าร่วม Boot Camp อบรมอย่างเข้มข้น  และได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มทรู

โดยหนึ่งทีมจะได้รับการคัดเลือกเปิดมุมมองธุรกิจ Startup ระดับโลกเข้าเรียนรู้การทำงานกับ 500 Startups ผู้พัฒนาเหล่าสตาร์ทอัพชั้นนำของโลก ที่ซิลิคอน วัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกา
จากปีที่ผ่านมา true incube รุ่นที่ 1 มีการผ่านคัดเลือกและรับการสนับสนุน มีทั้งหมด 6 ทีม ได้แก่
  • Fit Me – โซลูชั่นสำหรับนักช้อปออนไลน์ ที่ช่วยให้สั่งซื้อเสื้อผ้าได้ตรงตามไซส์
  • SellSuki – แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อช่วยให้ร้านค้าขายสินค้าบนเฟซบุ๊คได้สะดวกยิ่งขึ้น
  • Sticgo – แอพพลิเคชั่นสติ๊กเกอร์บนมือถือ สำหรับเช็คอินตามแต่ละสถานที่โปรดซึ่งไม่ซ้ำแบบกัน
  • Taamkru – แอพพลิเคชั่นคลังข้อสอบระดับอนุบาลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
  • Todok – แอพพลิเคชั่นแคชเชียร์บน iPad ที่ช่วยให้ร้านค้าขายปลีก สามารถบริหารระบบการจ่ายเงิน และรายการสินค้าได้อย่างครบวงจร
  • Zeekamore – แหล่งรวมอี-แคตตาล็อกของหลากหลายร้านดัง
นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้อำนวยการบริหาร ทรู อินคิวบ์ กล่าวว่า “หลังประสบความสำเร็จจาก “ทรู อินคิวบ์ รุ่นที่ 1” บริษัทจึงเดินหน้าจัดโปรแกรม “ทรู อินคิวบ์” อย่างต่อเนื่อง เพื่อสานต่อความตั้งใจของกลุ่มทรู ที่ต้องการเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพชาวไทยที่มีไอเดียสร้างสรรค์ ได้สร้างธุรกิจให้เป็นจริง ตลอดจนร่วมยกระดับระบบนิเวศ (Ecosystem) ของกลุ่มผู้ประกอบการไทยแห่งอนาคตให้ดียิ่งขึ้น โดยรุ่นที่ 2 นี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อย่ามัวแต่คิด ลงมือทำ” เปิดรับสมัครเหล่าสตาร์ทอัพเป็นทีมๆ ละไม่เกิน 5 คน ที่มีความฝันจะเป็นผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจด้านเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ Consumer & Commerce, Business to Business, Education, Marketing/Distribution Services, Financial Services/Payments, Food Tech และ Travel Tech ซึ่งกลุ่มทรู พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกทีมอย่างรอบด้าน เพื่อให้เหล่าสตาร์ทอัพของทรู อินคิวบ์ ได้สร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่มอบคุณประโยชน์แก่สังคม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ และเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดต่อไป”
โดยทีมที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโปรแกรม “True Incube  รุ่นที่ 2” จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
  • เงินลงทุนเบื้องต้น ในวงเงินทีมละ 500,000
  • การเข้าร่วม Boot Camp อย่างเข้มข้นตลอด 99 วัน
  • การอบรมโดยที่ปรึกษาจากเครือข่ายพันธมิตรที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น 500 Startups ผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ และผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ
  • การสนับสนุนทางด้านเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมโอกาสการเข้าถึงผู้ใช้บริการของกลุ่มทรู
  • การขยายฐานธุรกิจด้วยการจับคู่พันธมิตรทางการค้า ร่วมกับนักธุรกิจและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
  • สถานที่ทำงาน Co-Working Space ตลอดการเข้าร่วมโปรแกรม
ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งทีมที่พร้อมที่สุด จะได้มีโอกาสเข้าเรียนรู้การทำงานกับ 500 Startups องค์กรผู้พัฒนาสตาร์ทอัพชั้นนำของโลก ที่ซิลิคอน วัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกา เพื่อเปิดมุมมองธุรกิจสตาร์ทอัพระดับโลกอีกด้วย


ผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียดและสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.trueincube.com  หรือติดตามที่งาน กิจกรรม Ture Incube  วันที่ 27 มกราคมนี้ 7.00-9.00น. ณ LAUNCHPAD (ใกล้ BTS สุรศักดิ์)   หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่ออีเมล  trueincube@truecorp.co.th



ที่มา : www.trueincube.com

twitter ปรับโฉมหน้าตาเว็บไซต์ twitter ใหม่ ให้ดูเหมือนใช้บนแอพ





เว็บไซต์ twitter ได้ทวิตประกาศถึงผู้ใช้งาน ผ่านทางบัญชี @twitter ซึ่งเป็นบัญชีทางการของเว็บไซต์ twitter เอง โดยได้โพสสถานะพร้อมโพส ภาพภาพหนึ่ง ซึ่งภาพนี้มันคือหน้าตา twitter รูปโฉมใหม่ที่ทีมงาน twitter กำลังพัฒนาและจะอัพเกรดให้ผูัใช้งาน twitter เป็นโฉมใหม่ในเร็วๆนี้


โดยหน้าตาใหม่นั้น มีการเปลี่ยนแปลงแค่ การออกแบบ design เท่านั้น โดยด้านที่แสดงเกี่ยวกับโปรไฟล์ จะดูเหมือนแอพ twitter บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต  โดยที่แถบด้านบนจะเป็นแถบสีขาว ส่วนเรื่องฟีเจอร์นั้นยังเหมือนหน้าตาปัจจุบันนี้ทุกประการ ไม่มีการเพิ่มใหม่แต่อย่างใด ซึ่งทำให้ผู้ใช้ได้ใช้งานบนหน้าตา twitter ใหม่ที่ให้ความรู้สึกแบบไม่ต่างจากเวอร์ชั่นปัจจุบันนัก






ข้อมูลจาก Thenextweb, twitter

ประวัติอาเซียน (ASEAN : The Association of South East Asian Nations)




  ในสภาวะแห่งยุคทุนนิยม ที่เศรษฐกิจเป็นตัวขับเคลื่อนและผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ ก้าวรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ประกอบกับประเทศต่าง ๆ นั้นอยู่รวมกันเป็นสังคมโลก ไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายได้ จึงต้องมีการรวมตัวกันของประเทศในแต่ละภูมิภาคเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ร่วมและพัฒนาประเทศในภูมิภาคไปพร้อม ๆ กัน ด้วยเหตุนี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ อาเซียน จึงได้มีข้อตกลงให้อาเซียนรวมตัวเป็นชุมชนหรือประชาคมเดียวกันให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015)

          แต่ก่อนที่เราจะมาดูเนื้อหาสาระของการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนนี้ เราจะมาย้อนดูกันรวมตัวกันของประเทศในอาเซียนว่ามีการรวมตัวกันได้อย่างไร จนมาเป็นอาเซียนในปัจจุบัน 


          โดยอาเซียนหรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  (ASEAN : The Association of South East Asian Nations) ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2510 โดยประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียน คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ต่อมาในปีพ.ศ.2527 บรูไน ดารุสซาลาม ได้เข้ามาเป็นสมาชิก ตามด้วยเวียดนามเข้ามาเป็นสมาชิกเมื่อ พ.ศ. 2538  ขณะที่พม่าและลาวเข้ามาเป็นสมาชิกใน พ.ศ.2540 และประเทศสุดท้ายคือกัมพูชา เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เมื่อ พ.ศ. 2542  ปัจจุบันอาเซียนมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ


รู้จัก 10 ประเทศอาเซียน 


1.บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) 

          ประเทศบรูไน มีชื่อเป็นทางการว่า "เนการาบรูไนดารุสซาลาม" มีเมือง "บันดาร์เสรีเบกาวัน"เป็นเมืองหลวง ถือเป็นประเทศที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะมีพื้นที่ประมาณ 5,765 ตารางกิโลเมตร ปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีประชากร 381,371 คน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรเกือบ 70% นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษามาเลย์เป็นภาษาราชการ





2.ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia)

เมืองหลวงคือ กรุงพนมเปญ เป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศไทย มีประชากร 14 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรกว่า 80% อาศัยอยู่ในชนบท 95% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาราชการ แต่ก็มีหลายคนที่พูดภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเวียดนามได้




3.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia)

          เมืองหลวงคือ จาการ์ตา ถือเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่ 1,919,440 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรมากถึง 240 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) โดย 61% อาศัยอยู่บนเกาะชวา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษา Bahasa Indonesia เป็นภาษาราชการ





4.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) (The Lao People's Democratic Republic of Lao PDR)

          เมืองหลวงคือ เวียงจันทน์ ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก โดยประเทศลาวมีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทย คือ 236,800 ตารางกิโลเมตร พื้นที่กว่า 90% เป็นภูเขาและที่ราบสูง และไม่มีพื้นที่ส่วนใดติดทะเล ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม โดยมีประชากร 6.4 ล้านคน ใช้ภาษาลาวเป็นภาษาหลัก แต่ก็มีคนที่พูดภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสได้ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ 




5.ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)

          เมืองหลวงคือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตร แบ่งเป็นมาเลเซียตะวันตกบคาบสมุทรมลายู และมาเลเซียตะวันออก ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ทั้งประเทศมีพื้นที่ 329,758 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 26.24 ล้านคน นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ใช้ภาษา Bahasa Melayu เป็นภาษาราชการ




6.สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines)

          เมืองหลวงคือ กรุงมะนิลา ประกอบด้วยเกาะขนาดต่าง ๆ รวม 7,107 เกาะ โดยมีพื้นที่ดิน 298.170 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 92 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ และเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นอันดับ 4 ของโลก มีการใช้ภาษาในประเทศมากถึง 170 ภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาตากาลอก เป็นภาษาราชการ




7.สาธารณรัฐสิงคโปร์ (The Republic of Singapore)

          เมืองหลวงคือ กรุงสิงคโปร์ ตั้งอยู่บนตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางเรือของอาเซียน จึงเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดในย่านนี้ แม้จะมีพื้นที่ราว 699 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น มีประชากร 4.48 ล้านคน ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ แต่มีภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติ ปัจจุบันใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว)




8.ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand)

          เมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ 513,115.02 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 77 จังหวัด มีประชากร 65.4 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุขของประเทศ




9.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam)

          เมืองหลวงคือ กรุงฮานอย มีพื้นที่ 331,689 ตารางกิโลเมตร จากการสำรวจถึงเมื่อปี พ.ศ.2553 มีประชากรประมาณ 88 ล้านคน ประมาณ 25% อาศัยอยู่ในเขตเมือง ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ 




10.สหภาพพม่า (Union of Myanmar)

          มีเมืองหลวงคือ เนปิดอว ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันออก โดยทั้งประเทศมีพื้นที่ประมาณ 678,500 ตารางกิโลเมตร ประชากร 48 ล้านคน กว่า 90% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท หรือหินยาน และใช้ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ 




ตลอดระยะเวลา 44 ปีที่ผ่านมา อาเซียนได้เกิดความร่วมมือ รวมทั้งมีการวางกรอบความร่วมมือ เพื่อสร้างความเข็มแข็ง รวมถึงความมั่นคงของประเทศสมาชิกทั้งด้านความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และในปี พ.ศ. 2558 อาเซียนได้วางแนวทางก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ ภายใต้คำขวัญคือ  "หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม" (One Vision, One Identity, One Community) โดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ประชาคม คือ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน(ASEAN Political Security Community : APSC)  ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC)

          โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2552 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ค.ศ. 2009-2015) เพื่อจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ซึ่งประชาคมอาเซียนประกอบด้วยเสาหลัก 3 เสา ดังต่อไปนี้

          1.ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน  (ASEAN Security Community – ASC) มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีระบบแก้ไขความขัดแย้ง ระหว่างกันได้ด้วยดี มีเสถียรภาพอย่างรอบด้าน มีกรอบความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งรูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคง

          2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และการอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน อันจะทำให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่งคั่ง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนในประเทศอาเซียน โดย


                - มุ่งให้เกิดการไหลเวียนอย่างเสรีของ สินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการลดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคมภายในปี 2020


               - ทําให้อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว (single market and production base)


               - ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียนเพื่อลดช่องว่างการพัฒนาและช่วยให้ประเทศเหล่านี้เข้าร่วมกระบวนการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน


               - ส่งเสริมความร่วมมือในนโยบายการเงินและเศรษฐกิจมหภาคตลาดการเงินและตลาดทุน การปะกันภัยและภาษีอากร การพัฒนาโครงสร้างพิ้นฐานและการคมนาคม พัฒนาความร่วมมือด้านกฎหมาย การเกษตร พลังงาน การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยการยกระดับการศึกษาและการพัฒนาฝีมือแรงงาน

    
          กลุ่มสินค้าและบริการนำร่องที่สำคัญ ที่จะเกิดการรวมกลุ่มกัน คือ สินค้าเกษตร / สินค้าประมง / ผลิตภัณฑ์ไม้ / ผลิตภัณฑ์ยาง / สิ่งทอ / ยานยนต์ /อิเล็กทรอนิกส์ / เทคโนโลยีสารสนเทศ (e-ASEAN) / การบริการด้านสุขภาพ, ท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน) กำหนดให้ปี พ.ศ. 2558 เป็นปีที่เริ่มรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ โดยผ่อนปรนให้กับประเทศ ลาว กัมพูชา พม่า และเวียตนาม สำหรับประเทศไทยได้รับมอบหมายให้ทำ Roadmap ทางด้านท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน)



  3.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC) เพื่อให้ประชาชนแต่ละประเทศอาเซียนอยู่ร่วมกันภายใต้แนวคิดสังคมที่เอื้ออาทร มีสวัสดิการทางสังคมที่ดี และมีความมั่นคงทางสังคม

          สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนนั้น ประเทศไทยในฐานะที่เป็นผู้นำในการก่อตั้งสมาคมอาเซียน มีศักยภาพในการเป็นแกนนำในการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง จึงได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประชาอาเซียน โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการศึกษา ซึ่งจัดอยู่ในประชาคมสังคมและวัฒนธรรม ที่จะมีบทบาทสำคัญที่จะส่งเสริมให้ประชาคมด้านอื่น ๆ ให้มีความเข้มแข็ง เนื่องจากการศึกษาเป็นรากฐานของการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน และจะมีการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาเซียนศึกษา เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนด้วยการศึกษา ด้วยการสร้างความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียน ความแตกต่างทางด้านชาติพันธุ์ หลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศเพื่อพัฒนาการติดต่อสื่อสารระหว่างกันในประชาคมอาเซียน